• About Me
  • My Slides

WindyGallery's Weblog

~ I am a normal man in quite imperfect little World.

WindyGallery's Weblog

Category Archives: Events

Agile Thailand 2015 (ภาค 1)

10 Sunday May 2015

Posted by windygallery in Developer, Events, IDeas

≈ Leave a comment

Tags

2015, agile, baby, coaching, listening

สรุปประเด็นน่าสนใจจากงาน Agile Thailand 2015 (ภาคแรกครับ)

1. Agile Dialogue

by Kulawat (Pom) Wongsaroj + Bee

https://www.flickr.com/photos/dkuropatwa/4612194068/

https://www.flickr.com/photos/dkuropatwa/4612194068/

Session นี้เป็นเรื่องของการฝึก skill “การฟัง” (ที่น่าสนใจมาก)
เวลาทำงานร่วมกันกับคนหมู่มาก ปัญหา conflict ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่การประชุมกันเพื่อแก้ปัญหามักมีสถานการณ์หลายๆอย่างที่ทำให้
การแก้ปัญหาไม่จบลงอย่างที่ควรจะเป็น บางคนอาจเคยเจอสถานการณ์ที่
เหมือนจะตะโกนใส่กันมากกว่าการพูดคุย หรือมีเกรียนตัวใหญ่ที่คอยแย่งพูด

การฝึกตัวเองในคลาสนี้ เพื่อช่วยให้รู้ตัวเองตลอดการประชุม รู้จักคุมจังหวะ
ไม่รีบผลีพลามยิงสวนขณะที่คนอื่นกำลังพูด วิธีการที่ง่ายและตรงไปตรงมาคือ
การกำหนด Rules ขึ้นมาร่วมกัน 3 ข้อ ที่จะช่วยกำกับ “สติ” ของทุกคน

ข้อแรก: พูดทีละคน 
เพื่อให้มีโอกาสได้ฟัง และ(จง)ตั้งใจฟัง

ข้อที่สอง: ไม่วิจารณ์ 
แต่ให้พูดในแนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อเสริมไอเดีย ไม่ใช่มุ่งแต่จะทำลายความคิด/ไอเดียของผู้อื่น

ข้อที่สาม: ไม่ตัดสินความคิดคนอื่น
การฝึกคิดที่มุ่งตัดสินความคิดคนอื่นจะทำให้เรารีบคิดหาช่องว่างหรือแนวทางอื่นมาหักล้าง จนทำให้สติในการตั้งใจฟังสาระ “หลุด” จากผู้พูด (นี่คือหนึ่งสาเหตุใหญ่ที่ทำให้คนคุยกันคนละหัวข้อ เพราะไม่ตั้งใจฟังคนอื่นพูดให้จบก่อน แต่รีบแทรกพูด) กับคนที่มี ego สูงจะต้องหาทางลด ego เขาก่อน (อาจโดยลดตัวเองก่อนด้วย)

นอกจากเรื่องการฟังแล้ว ใน Session ยังขยายไอเดียออกไปครอบคลุมถึงเรื่องอื่นๆ
ของ Agile ด้วยอีกเล็กน้อย ขอสรุปเป็นประเด็นสำคัญตามความคิดเห็นของผมเองเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ

  • Lean คือ วิธีการทำงานแบบที่มุ่งเน้นการลด watse ในกระบวนการ
  • Agile เป็นหลักการทำงานที่ช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของ software development process ง่ายขึ้น (ซึ่งจะมีหายแนวทางย่อยและ practices ย่อย)
  • การที่ทีม commit งานไว้มากเกินไป = การทำงานแบบ overload ตลอดเวลา
  • เมื่อทำงานหนักมาก ไม่มีจุดพัก กำลังใจคนทำงานจะหมดเร็ว
  • เมื่อไม่มีเวลาพัก = ขาดโอกาสในการพัฒนาตัวเองหรือเสริมศักยภาพใหม่ๆ
  • ทำให้ทีมท้อและพังได้ง่าย
  • การทำงานให้ได้ผลงานมากที่สุด ตอบโจทย์ใคร นายจ้าง? ทีม?
  • เมื่อ burn ชีวิตมากไป แล้วจะรักษา balance ของครอบครัว/การทำงานได้หรือ?
  • ถ้าคนทำงานไม่ Happy อะไรคือ goal ระยะยาวร่วมกัน
  • ปัญหาต้นๆของการคุยกับลูกค้าคือ ใช้ estimation = commit (ซึ่งมันคนละเรื่องกัน!)
  • ถ้าคุยกันภายในทีมรู้เรื่องดี จะทำให้ประมาณ velocity ของทีมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
  • คนทำงานด้วยกันจะประมาณเวลาได้ใกล้เคียงมากขึ้น
  • และในกรณีที่ estimate ผิด ต้องรีบ feedback ให้ลูกค้าเร็ว เพื่อให้ลูกค้าปรับแผน/ตัดสินใจ

Action items (สำหรับตัวเอง): ฝึกสติจับประเด็นตอนประชุมแก้ปัญหา conflict ให้ได้ตลอดเวลา

 

2. การ coach ก็เหมือนการเลี้ยงลูกนั่นแหละ

by Juacompe + Chawin

11164636_10206386492001766_2141718463379060806_o

Session นี้ว่าด้วยการสังเกตถึงการดูแลเด็กตัวน้อยๆคนนึง (ในช่วงที่กำลังพัฒนาพฤติกรรมขวบปีแรก) และนำมาเปรียบเทียบกับการโค้ชให้ผู้อื่น

ในช่วง 3 ปีแรกของอายุ จะเป็นช่วงที่เด็กกำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว และสมองกำลังเริ่มเตรียมความพร้อมในการสร้างเซลล์ประสาทในแต่ละด้าน เช่น การควบคุมอารมณ์, ทักษะการเข้าสังคม, ภาษา (เป็นสาเหตุให้การฝึกภาษาใหม่หลังสามขวบทำได้ไม่ดีเท่าฝึกช่วงต้นอายุ)

(*) ข้อมูลอ้างอิง http://www.unicef.org/dprk/ecd.pdf

พัฒนาการในช่วงนี้จะเกิดขึ้นตลอดเวลา และนี่เป็นธรรมชาติของเด็ก

หันมามองกลับกัน เรามักจะได้ยินคำว่า “คนไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง”
ซึ่งพอมาย้อนคิดดูอีกที มันอาจจะไม่จริงซะทีเดียวนัก เพราะที่จริงแล้ว คนเรามีความสามารถในการปรับตัว (adapt) เข้ากับสิ่งแวดล้อมสูงมากจนเราไม่ถือว่ามันคือการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถกินอาหารเช้าไม่ซ้ำกันแต่เราก็ไม่ได้มองว่ามันคือการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นคำว่าเปลี่ยนแปลงจึงขึ้นกับขนาดของพฤติกรรมและความสำคัญที่ส่งผลต่อจิตใจผู้กระทำมากกว่าแค่ action เฉยๆ

ปัญหาของการโค้ชเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมคนทำงานจากแบบเดิมๆ(ที่มักประสิทธิภาพไม่สูง) ให้มาลองของใหม่ ถ้าอาศัยแค่การพูดหักว่าของเดิมไม่ดีเพื่อบังคับให้ลองเปลี่ยน จะทำให้เกิดแรงต่อต้านเล็กๆภายในใจ มากกว่าการให้ลองทำ แต่วิธีการเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถสื่อสารกลับโดยตรงได้โดยใช้ภาษาเป็นตัวกลาง

แล้วกับเด็กทำอย่างไรล่ะ?

11134127_10206386493441802_7130770212382136030_o

เรามักคิดว่าเด็กเล็กๆไม่เข้าใจการพูด แต่เราอาจมองข้ามไปว่าเด็กสามารถเข้าใจ body language (และฝึกฝนทักษะเพื่อเข้าใจได้เร็วมาก) การพูดคุย สัมผัส ปลอบ การชื่นชมเมื่อเขาทำถูกต้อง หรือให้กำลังใจเมื่อเขาทำผิดพลาด (ฝึกให้ positive ไม่ว่าจะ action จะ success หรือ failed) จะทำให้เขาค่อยๆมีความมั่นใจและเห็นคุณค่าในตัวเอง และทำให้เขากล้าลองทำในสิ่งใหม่ๆมากขึ้น โดยไม่มีแรงต่อต้านเท่าการบังคับให้ทำ

และก็คล้ายกันกับการโค้ชทีม

ที่ body language มีผลช่วยให้ทีมเชื่อมั่นในตัวเอง แม้จะลองแล้วผิดพลาด แล้วกล้าที่จะลองไปทำอะไรใหม่ๆเพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองต่อ

หัวข้อย่อย1: ความแข็งแกร่งภายนอก vs. ความแข็งแกร่งจากภายใน

บางครั้งการแก้ปัญหา conflict ภายในองค์กร มักทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น พูดคุยหาข้อตกลง ยอมทำตามคำสั่ง ไม่ยอมแต่ไม่ทำ เลิก ลาออก ฯลฯ สิ่งแต่ละวิธีมักจะถูกเลือกขึ้นมาจากระดับความสัมพันธ์ของคนที่ทำงานด้วยกัน (เช่น ถ้าสนิทกันก็อาจจะไปพูดคุยตกลงกันตอนกินข้าวได้ แต่ถ้าเกลียดกันอาจจะต้องหาใครมาไกล่เกลี่ยแทน)

evilboss

ในกรณีที่มีทางเลือกให้ใช้แก้ conflict โดยอาศัยผู้อื่น/สิ่งอื่นเข้ามาช่วย (เคสนี้จะเรียกกันว่า ความแข็งแกร่งจากภายนอก) เช่น ใช้ตำแหน่ง, อำนาจหน้าที่ทุบโต๊ะ, ให้ผู้ใหญ่กว่าบังคับ, กำลัง(หมายถึงกับเด็ก) สิ่งเหล่านี้มักทำให้แก้ปัญหาได้ง่ายกว่าการสื่อสารโดยใช้คำอธิบายความคิดและความรู้สึกเพื่อโน้มน้าวให้ผู้อื่นเข้าใจและเห็นคล้อยตาม (อันนี้เรียกว่าความแข็งแกร่งจากภายใน)

แต่การทำงานโดยอาศัยพลังภายนอกบ่อยๆ จะกลายเป็นการปล่อยให้ตัวเองไม่ได้ฝึกฝนความแข็งแกร่งจากภายใน และกัดกร่อนตัวเองไปเรื่อยๆ พอถึงวันนี้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น อำนาจหาย ตำแหน่งไม่มี ขาดผู้ใหญ่แบ็คอัพ คนที่ความแข็งแกร่งภายในน้อยก็จะเริ่มทำงานลำบาก

ดังนั้น ต้องฝึกให้ตัวเองสามารถแก้ปัญหา conflict ได้ด้วยตัวเองให้ได้
วิธีที่จั๊วะใช้คือ อธิบายเหตุผลและความรู้สึกประกอบกันในการสื่อสาร ไม่ใช้วิธีให้คนอื่นช่วย
และคอยเสริมให้ทุกคน(รวมทั้งเด็ก)มีความเชื่อมั่นในตัวเองว่ามีคนคอยช่วยเหลือดูแลอยู่เสมอ เพื่อที่เมื่อเขาโตขึ้นเขาจะมีความแข็งแกร่งภายในมากเพียงพอ ที่จะทำอะไรและแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง

 

หัวข้อย่อย2: Emotional bank account

16177956936_f9aa24857a_z

https://www.flickr.com/photos/ms308/16177956936/in/album-72157625647271859/

ในการแก้ปัญหา บางครั้งเราก็อาจจะ focus ผิดจุด
เช่นเราอาจจะทุบโต๊ะเพื่อเอาผลงานให้รวดเร็วจนมองข้ามความรู้สึกของผู้ร่วมงานไป

ซึ่งทำลาย Balance ระหว่าง เป้าหมายร่วมกัน กับ ความสัมพันธ์ระยะยาว

ถ้ามองว่าอารมณ์ตอบสนองของคนเหมือนบัญชีธนาคาร (Emotional bank) การทำดี ชื่นชม ให้กำลังใจ สนับสนุน ก็เหมือนการฝากเพิ่ม ส่วนการด่า ประชด ไม่เห็นคุณค่าต่อกัน ทำร้ายความรู้สึก เป็นการถอน

เมื่อวันนึงที่ emotional ใน bank ติดลบ คนก็เกิด bias
พูดอะไรเท่าไหร่เขาก็จะไม่ฟัง พูดธรรมดาก็กลายเป็นประชด พูดด่าลอยๆก็นึกว่าด่าตัวเอง แล้วบรรยากาศการทำงานร่วมกันทุกอย่างก็จะแย่ลง

ทำผิดพลาดก็ควรจะขอโทษ ทำดีต่อกันก็ให้ขอบคุณ เพื่อรักษาอารมณ์ของผู้ร่วมงานบ้าง
จะแก้อคติกับใคร ขอให้เริ่มที่ตัวเราเองก่อน

เพื่อความยั่งยืนของความสัมพันธ์ระยะยาวที่จะนำไปสู่เป้าหมายร่วมกัน

Action items: ฝึกตัวเองให้ควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง, long relationship is important than short goal

🙂

WWDC2014

04 Wednesday Jun 2014

Posted by windygallery in Developer, Events

≈ Leave a comment

Tags

2014, goal, wwdc

เพิ่งมีโอกาสได้นั่งชมงาน WWDC 2014 สดๆกับคนอื่นเค้าบ้าง (เพราะมีงานต้องทำยามดึก)

รู้สึกว่ามีไอเดียหลายๆอย่างที่เกิดข้นระหว่างและหลังชมงานที่คิดว่าน่าบันทึกเก็บไว้ เพื่อเอาเตือนตัวเองและเผื่อเป็นประโยชน์ในการกลับมาวิเคราะห์วิธีคิดและการทำงานของแอปเปิ้ล

wwdc

อธิบายเพิ่มเติมก่อนสำหรับคนทั่วไป งาน WWDC ย่อมาจาก Apple Worldwide Developers Conference เป็นงานสัมมนาประจำปีของบริษัทแอปเปิ้ลที่จัดขึ้นเพื่อ “โชว์ของ” ให้กับบรรดานักพัฒนา โดยมากจะเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆของแอปเปิ้ลเลือกสรรจะนำมาใช้กับผลิตภัณท์ของแอปเปิ้ล ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับนักพัฒนาที่เขียนโปรแกรมอยู่บนสินค้าเหล่านั้น

เพื่อให้เห็นภาพ ผมขอยกตัวอย่างผลงานของแอปเปิ้ลซักหลายตัว (ไม่ได้เรียงตามลำดับของการนำเสนอในงานนะครับ)

อย่างแรก: การโต้ตอบผ่านระบบ Notifications

WWDC2014-notification

เราคงเคยได้รับข้อความ LINE, เพื่อนคอมเมนต์คุยกันบน facebook ขณะที่เราอยู่หน้านอกแอพ ขั้นตอนปกติที่เราคุ้นเคยก็คือ การกด notification เพื่อเข้าไปในแอพแล้วจึงเริ่มการสื่อสารตอบ แต่แอปเปิ้ลมองว่านี่คือขั้นตอนที่เสียเวลาและเกิดขึ้นบ่อย สิ่งที่เขาทำก็คือ ทำให้คนตอบสนองจากนอกแอพได้ทันทีเลย

จากเดิมที่ระบบ push ของแอปเปิ้ลแยกขาดจากแอพและอนุญาตให้ทำหน้าที่ได้แค่กระตุ้นให้คนรับรู้ว่ามีข้อความ กลายเป็นการอนุญาตให้แอพเพิ่มความสามารถออกมานอกแอพได้มากขึ้น (เหมือนที่ Android เป็น) ดูเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีและเกิดการแข่งขันกันมากขึ้น (แต่ Apple ทำออกได้งามและน่าใช้กว่าใครๆ)

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจเล็กๆเกี่ยวกับการนำรูปมาใส่อีเมล์ ระบบเดาคำ (อันนี้ไม่ใหม่ เพราะ Blackberry ก็ทำมาแล้วแต่ไม่ดังเท่า), การอนุญาตให้คนนอกพัฒนาคีย์บอร์ด (Android มีนานแล้ว), และการส่งข้อมูลเสียงพูด (ฟังก์ชั่นเหมือน LINE แต่การใช้งานดูเหมือนง่ายกว่า)

typing

voice

การซิงค์ระบบการโทรศัพท์เข้ากับเครื่อง Mac

WWDC2014-MacPhone

เดิมเราแยกโทรศัพท์กับเครื่องคอมออกจากกันเพื่อการทำงานคนละอย่าง แต่แอปเปิ้ลทำให้ขอบเขตตรงนั้นมันบางลง ก็ในเมื่อปัจจุบันอุปกรณ์ทั้งสองอย่างมีทั้งไมค์และลำโพงเหมือนกัน ดังนั้นเราก็ควรจะใช้งานมันแทนกันได้ในโอกาสที่เราต้องการ

แนวคิดนี้สะท้อนออกมาชัดในแง่มุมที่ Apple ต้องการสร้างรูปแบบการใช้งานแบบที่ไม่อิงกับตัวอุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นนึง แต่อิงกับ platform เป็นสำคัญ ความเข้ากันได้ระหว่าง hardware และ software ของ Apple คือจุดแข็งที่ Google และ Microsoft ไม่มี (สองค่ายนั้นเด่นที่ Software และไปอิง hardware กับค่ายอื่นค่อนข้างมาก) เมื่อคนเริ่มใช้งานและชินกับความสามารถของ platform แล้วในระยะยาว การคิดย้าย/เปลี่ยน platform จะเป็นไปได้ยากมาก (ลองนึกภาพคนที่ลงทุนซื้อแอพกับหนังไปซักหลายหมื่นบาท แล้วถ้าย้ายไป platform ใหม่ที่ต้องเสียเงินอีกรอบ จะมีกี่คนยอมทิ้งข้อมูลเก่าของตัวเองไปกัน)

family-

Family Sharing

Apple อนุญาตให้สมาชิกในครอบครัวสามารถใช้งานและแชร์ข้อมูลกันง่ายขึ้นผ่านระบบของตัวเอง โดยมองว่าการใช้งานข้อมูลหลายอย่างภายในครอบครัวจะมีข้อมูลร่วมอยู่หลายอย่าง เช่น ตารางปฏิทินของพ่อแม่ หนังสือ หนัง และรวมไปถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆที่คนในครอบครัวใช้

family-sharing

family-request

family-share

แนวคิดนี่สะท้อนให้เห็นว่า Apple เริ่มจริงจังมากขึ้นในการขยายกลุ่มลูกค้า โดยเจาะกลุ่มในระดับครอบครัว ซึ่งปกติเด็กจะไม่มีรายได้มากพอจะใช้จ่ายหรือซื้ออะไรมากมายเท่าพ่อแม่ การรวบข้อมูลเหล่านั้นมาให้ผู้ปกครองตัดสินใจก็เป็นการทำให้ผู้ปกครองรู้สึกว่า ควบคุมลูกหลานได้ทางอ้อม และอีกนัยนึงยังอาจช่วยเพิ่มการซื้อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกม หนัง หรือหนังสือ จากความต้องการของกลุ่มเด็กๆที่อยู่ในครอบครัวอีกด้วย

HealthKit

healthkit

ในช่วงปีที่ผ่านมา เราเริ่มได้ข่าวอุปกรณ์ wearable devices มากขึ้นๆ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ ถูกออกแบบมาใช้ในงานด้านสุขภาพค่อนข้างเยอะ แต่เนื่องจากยังไม่มี platform ไหนครองตลาด ทุกเจ้าก็เลยทำ platform เล็กๆของตัวเอง และเก็บข้อมูลในส่วนที่ตัวเองถนัด

เพื่อให้แอปเปิ้ลได้ข้อมูลทุกอย่าง แทนที่จะลงมือทำเอง แอปเปิ้ลก็เลยชิงลงมือทำตัวเองให้เป็น platform กลางเสียเลย แล้วให้ทุกเจ้าเข้ามาใช้งานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น ในระยะยาวแอปเปิ้ลจะได้ประโยชน์เต็มๆเพราะมีคนทำทั้งอุปกรณ์ที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง แต่ตัวแอปเปิ้ลเองได้ข้อมูลสำคัญมาเก็บไว้ทั้งหมดเลย

(แนวคิดนี้ สะท้อนออกมาชัด เมื่อแอปเปิ้ลเริ่มเปิด SDK ของระบบสแกนลายนิ้วมือให้ผู้อื่นใช้งานด้วย)

ในแง่ของความสามารถของ iPhone เราจะเห็นได้ชัดว่า Apple จงใจเลือก sensor ที่ใส่เข้ามาในมือถืออย่างระมัดระวัง (ปัจจุบัน iPhone มีอยู่ราว 7 sensors เช่น GPS, Compass, Light, Accelerometer, Gyro, Finger print) ในขณะที่ค่ายอื่นอย่าง Samsung ใส่เข้าไปเกินสิบแล้ว (Gesture, Heart rate, NFC ฯลฯ) ซึ่งหลายตัวเป็นสิ่งที่อาจเกินจำเป็นสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ ในขณะที่ Apple จะเน้นเลือกสิ่งที่ผู้ใช้จะใช้มันจริงๆ

Metal, Photo Editing Extension, Swift

Apple เปลี่ยนวิธีในการพัฒนาแอพหนักๆถึง 3 เรื่อง

เรื่องแรกของเปลี่ยนการใช้ OpenGL มาเป็น Metal

metal

OpenGL คือชุดคำสั่งมาตรฐานสำหรับการทำงานเกี่ยวกราฟิก(ทั้ง 2D และ 3D) ซึ่งแปลว่าเขียนทีเดียวใช้ได้หลายระบบ แต่แอปเปิ้ลมองว่ามันหนักและทำงานได้ไม่ดีที่สุดบนระบบของตัวเอง ก็เลยทำลายมาตรฐานโดยการเปลี่ยนมาใช้ชุดคำสั่งของตัวเองแทน (แล้วบังคับให้ developer ไปใช้ framework ของค่ายใหญ่ๆแทน ถ้าจะ port ข้ามระบบ) ซึ่งการทำแบบนี้จะทำไม่ได้เลย ถ้าตลาดที่ Apple ถือไม่ใหญ่พอจะบังคับให้คนทำตาม (แต่แน่ละ มันใหญ่พอ)

เรื่องที่สอง คือ Photo extension หรือชุดคำสั่งในการตกแต่งรูป

photoedit

photoediting

หลังจาก Instagram เปลี่ยนวิถีผู้คนไปเลย ว่าต้องแต่งรูปนิดหน่อยก่อนจะโพส ความสามารถในการตกแต่งรูปก็กลายสิ่งที่ “ต้องมี” ในแทบจะทุกแอพ ซึ่งในแง่การพัฒนามันใช้เวลาและทำได้ยาก (มีหลายรายทำออกมาเป็น SDK ขายเลย) แต่พอ iOS 8 ออก Apple เลยแจกมันซะ ในแง่ดีก็คือนักพัฒนาจะทำงานง่ายขึ้นใน platform ของ Apple (สร้างแรงกดดันกลับไปทุก platforms) และที่สำคัญ แค่นี้มันก็ทำให้ผู้ใช้ส่วนมากพอใจเสียด้วย

และ Swift ภาษาใหม่สำหรับการพัฒนาแอพ
Swift

นี่คือสิ่งที่น่าสนใจว่าทำไม Apple ถึงเลือกจะทิ้ง Objective-C ที่ขึ้นชื่อว่าลื่นไหลกว่า Java ของฝั่ง Android ไปหาภาษาใหม่ ในแง่เทคนิคฝั่ง Android เองก็เตรียมยกเครื่อง Runtime ใหม่ตั้งแต่ Kitkat แล้ว(แต่ยังไม่เปิดตัวออกมา) โดยมุ่งหวังจะทำให้ความเร็วของ Android ขึ้นมาไล่ตาม iOS แน่ๆในช่วงปีถัดจากนี้ ถ้า Apple เลือกเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ด้วยเหมือนกัน อาจจะเป็นการวางแผนเร่งตัวเองหนี และแก้ปัญหาด้านขีดจำกัดของภาษา Objective-C ไปในทีเดียว (ทั้งนี้คงต้องถามผู้เชี่ยวชาญกว่าผมว่าภาษาใหม่นี้จะปิดปัญหาเก่าอะไรได้บ้าง? -> อ่านได้ที่ blog NuuNeoI) และถ้าทำได้ นั่นจะทำให้ platform อื่นๆถูกทิ้งห่างไปอีกเยอะเลย

 

สุดท้ายนี้ ในฐานะของผู้ใช้ธรรมดา ไม่ใช่แฟนบอยของแอปเปิ้ล
ยังคงใช้วินโดว์เป็นหลัก มือถือหลักเป็น Android และ Blackberry
แต่การได้ชมงานครั้งนี้ก็ยังถือว่าเปิดหูเปิดตาเกี่ยวกับวิธีคิดและแนวทางการทำธุรกิจของแอปเปิ้ลมากพอสมควร

แม้โดยส่วนตัว จะไม่ได้แปลกใจมากนักกับเทคโนโลยีที่แอปเปิ้ลนำเสนอ
แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ แนวทางที่แอปเปิ้ลเลือกทำ เป็นตัวกำหนดความคาดหวังของผู้ใช้ที่ชัดเจน
ทำให้สามารถสร้างผลลัพธ์ออกมาได้ดีเกินกว่าคู่แข่งเกือบทั้งหมดในตลาดได้ง่าย

และเกมคุมเทรนของเทคโนโลยีก็ยังอยู่ในมือของแอปเปิ้ลต่อไป

ปัญหาความปลอดภัยของข้อมูลอยู่ใกล้ตัวคุณกว่าที่คิด

29 Saturday Mar 2014

Posted by windygallery in Events

≈ Leave a comment

Tags

ิblognone, security

ได้มีโอกาสไปเข้าร่วมงาน Blognone Quest for Modern Security มาครับ
แม้จะเสียเวลาไปพอสมควรกับการเดินทาง แต่ก็ยังโชคดีไปทันเก็บเนื้อหาสาระที่น่าสนใจมาได้พอสมควร
เลยคิดว่าจะเอามาเขียนสรุปประเด็นที่น่าสนใจเก็บไว้ เผื่อมีประโยชน์ต่อคนอื่นได้บ้าง

003

 

(หมายเหตุ: รูปไม่เกี่ยวกับหน้าหาเลยแม้แต่น้อย แค่อยากใส่เฉยๆครับ)

 

เวบไซต์หนังสือพิมพ์เริ่มกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของแฮคเกอร์ โจมตีทีเดียวโดนคนเข้าดูหลายแสนคนต่อวัน #thaicert

 

8 เมษายนที่จะถึงนี้ Microsoft จะเลิก support Windows xp แล้ว
ตู้ ATM ทั่วบ้านทั่วเมืองโดนกันถ้วนหน้า #ชีวิตมีลุ้นตลอดเวลา #ปัญหาความปลอดภัยของข้อมูลอยู่ใกล้ตัวคุณกว่าที่คิด

 

ตอนที่ microsoft ออก patch มาอัพเดตเพื่ออุดช่องโหว่ของ security จะมี hacker อีกกลุ่มหนึ่งเอา patch มา reverse engineer เพื่อหาวิธีโจมตีแล้วเอามาลองยิงกับ windows ที่ไม่ได้ update/รุ่นเก่ากว่า #ความเสี่ยงของwindowsเก่าที่ไม่ได้อัพเดตจึงสูงปรี๊ด

 

ช่วงหลังๆการโจมตีแบบปลอมตัวเป็นเว็บไซต์ธนาคาร หรือเว็บดังๆเพื่อดัก user password เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
และคนส่วนใหญ่ก็มักตั้งรหัสผ่านง่ายๆ ไม่ค่อยเปลี่ยน และใช้ร่วมกันหลายเว็บ ดังนั้นบางทีโจมตีทีเดียว ก็ได้รหัสไปเข้าธนาคารของเหยื่อได้เลย

 

ตอนนี้ผู้คนอาจประมาทไปว่า ค้าขายออนไลน์ แค่แปะชื่อ เบอร์โทร เลขที่บัญชีไว้บนเว็บไม่น่ามีปัญหาอะไร
แต่ก็เคยมีคนหัวใสเอาข้อมูลทั้งหมดนี้ไปเปิด sim ใหม่เบอร์เดิม (่ที่เป็นข่าวใหญ่ไปทีนึงเพราะดันเปิดได้โดยไม่ตรวจสอบคนเปิดให้แน่ชัด)
แล้วทีนี้ก็หาทางเข้าใช้บัญชีได้สะดวกขึ้นเพราะมีได้ otp แบบเดียวกับเจ้าของเบอร์ได้เลย (ถ้าดัก user/เดา password มาก่อนนี่จบแบบไม่ต้องลุ้น)

 

ปัญหาความปลอดภัยส่วนใหญ่เกิดจากการลงแอพเถื่อน หรือความอยากรู้อยากเห็นโดยไม่ระวัง
เช่น มี quiz/game ในเว็บ อยากเล่นมากรีบกดโดยไม่ระวัง ข้อมูลส่วนตัวบางอย่างก็จะหลุดไปโดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว
ถ้ามีอะไรที่ถาม user login เมื่อไหร่ ขอให้มีสติก่อนกดตลอดเวลา ไม่งั้นคุณอาจจะเสีย account นั้นไปง่ายๆตลอดกาล

 

เรื่องฮาๆที่น่ากลัว คือรุ่นลูกลงแอพเกมให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายลุงป้าเล่นเกม แล้วใช้แอคเคาท์ตัวเองผูกไว้
พอป้าๆเล่นแพ้ก็กดซื้อเพชรเพื่อเล่นเกมต่อรัวๆ บิลเก็บเงินก็เลยมาแบบตามืดตามัว!#อย่าทะลึ่งไปผูกแอคเคาท์ให้ใครเป็นอันขาด!

 

ขอให้ทุกท่านใช้ชีวิตและเทคโนโลยีด้วยความไม่ประมาทครับ

World Bank Competition

03 Thursday Feb 2011

Posted by windygallery in Events

≈ Leave a comment

Tags

apps for development, world bank

The result of my great effort..

My application is already in World Bank’s application gallery !!!

(> <)

Presentation

The application link

http://worldbank.windygallery.com/worldfacts/

World Facts You Should Know before 2015

My conceptual idea is to summarize only interesting information from World Bank database to present  by using picture graphs. Examples are:

How many % of clean energy usage in this world ?
How many % of HIV-infected people in the world ?
How many women with advanced education ?
How many fixed broadband Internet subscribers around the world ?
How many birth rate ?
How many % of agricultural land ?
How many children would be born per one mom ?
How much does high-technology cost ?
How many women die during pregnancy and childbirth ?
How many babies die before reaching an age ?
How many % of agricultural land ?
How many endangered plant species around the world ?
How many passenger cars per 1,000 people ?
How many adults have literacy ?
How many people have tuberculosis ?
How many proportion of seats held by women in national parliaments (%) ?
How many scientific and technical journal articles ?
How many girls complete primary school ?
How many mobile cellular usage ?
How many people can access sanitation facilities ?
How many HIV-infected girls ?
How many arable land for farming ?
How many teen births rate ?
How many forest area ?
How many cereal yield per hectare ?
How much CO2 emissions ?
How many researchers in R&D ?
How many old population ?
How many people around the world ?
How much tax do people around the world pay ?
How many Internet users ?

…

In this February, My application is available for Voting !

If you like my idea, Feel free to vote my application 😀

http://appsfordevelopment.challengepost.com/challenges/78/submissions/1439-world-facts-you-should-know-before-2015

Thank you (^ ^)

First nine days after New Year

12 Wednesday Jan 2011

Posted by windygallery in Events

≈ Leave a comment

Tags

world bank competition

Happy New Year my friends. (^^)/
This is the first time after new year I have a free time to write my diary.So, I would like to share my story today. 🙂

December 18, 2010 (Morning)
I went to the WorldBank office (Siam Discovery) with some Thai developers to joined the informal meeting about WorldBank App Competition. I got this news from twitter and I though it should be fun. My purpose is to collect information about the concept, and conditions as much as possible. For this competition, developers from all around the world will implement application(s) by using World Bank database. This concept is so attractive to me but the bad news is this competition started since Oct 07, 2010 !!
That means we (all Thai developers) have only one-third of time to complete the work !

For me, I have a lot of works to close before new year and most of them were planned and I cannot shift most of them. If I join this competition, all holidays (Christmas & New year) will be gone immediately !

Why I have to let down all holidays ?
Because this is a rare great competition for me to gain extremely experience and improve my skills. So I don’t have to care about the final result and should focus only how to do this work on time.

December 23, 2010
After I made a decision, I planned about my work while I had travelling between workplace and my home. The main concept is always the hardest part for starting. World Bank provided a lot of data set about every countries in this world. There are various issues such as population, size, age, environment, education, politics, diseases, money and etc. All data was gathered from many trusty institus and I have to use some of them to make “a good conversation” to everybody around the world to understand it creatively.

The problem is I don’t understand this data at all ! (-0-)

January 1, 2011
The first full day of working on this project !I was confuse about data for a day ! (while I have only 9 days to finish this task)
I am not a technical user for handling data like this and my old skills do not help me to get any idea with some strange financial and medical keywords. I have to clear my head first what can I do and what should I do at this moment ?
If I try to think big, create a very large scope of work and too complicated, and I won’t finish on time. If I think normally, my idea won’t be different from other developers around the world too. So what is the best solution for me now?

At that period, I found the technical is not the major issue anymore (if you have enough time :P). I believe there are many many very clever developers in this competition and they can do a lot of difficult tasks in shorter time than I can for sure ! One think that I have more than others is restriction ! With this condition I have to think more than others to avoid loose any worthy minutes !
Then, I moved to focus on the my first problem why I don’t understand the data ?
I read, read, and read more for getting the idea about each dataset.
I think though and though how to make it easy to understand for someone like me.
If I try to do anything too fancy, it always create a layer of complexity without necessary.

Finally, I found my strength point !
I am a fool user !
and I like beautiful photos.

!!?

Why don’t I mix these ideas together to present this complex infomation ?
The brief layout of idea was constructed very fast in that day.
Less than ten minutes, the concrete concept was drawn on my notebook.
After that is to do it.
As fast as I can.

January 2, 2011
The most challenge task of doing new task is how to learn new knowledge. In my case, I have four new issues for this project. First I didn’t even know how to handle data in XML and json format. Second, I don’t familiar with codeigniter framework enough to build a website from my idea. Third, the idea to implement beautiful graphics to present a lot of data is not completed yet. And the last is about the performance of system (query data from faraway database).

January 3, 2011
This is the last new year holiday. I build the main structure and finished code to query World Bank database. Some indicators were selected in this day and I tried to use a Google chart api to visualize data. The result is quite nice but the serious problem is a big learning period to make charts different from basic patterns. Why ?? This issue is importatnt to me because if I use only simple chart like other devs can do it.
What is the interesting ?

So, I decided to design a better visualization by myself. And the best choice in this time is image chart. The great advantage is the simplicity for understanding like bar chart but more interesting by using little pixel images. The quantity of image chart is also a good point compared with another line charts to make user feel the scale of values. I decorated each little pixel image for each indicator in order to make sure users will get the main point as fast as possible.

January 4, 2011
As a normal employee in the real world, I have to wake up every morning, go to office, make a progress of work every day, have a good lunch and dinner, go back home and take a rest. I have only (maximum) 2 hours before I sleep to build my idea on working days and full day and half night in weekends.
Every night I wrote down every indicator that I read to my notebook and reviewed it on the way to my office. Finally, I selected only the 31 most interesting issues to present and designed the layout of question page.

January 5, 2011
I reorganized database tables for making the system more flexible. Some automatic scripts were added to handle new data by adding only new records into database. WYSIWYG editor was added to back engine script to make my life easier. In this day the core of web application was finished.
Unexpected problems always come to you when you want peacefulness. My Internet connection has a problem !
It lost signal so frequently and I cannot test query to WorldBank or upload a file to my server !
This events break my progress a lot and destroy my optimistic at all. I have to write code like a robber who doesn’t know when the connection will down.
(T^T)

January 6-7, 2011
Some of symbol icons for each indicator were designed in this period. This task takes time more than I though so much ! I started to save image links from Flickr (from Creative commons license only) for presenting with questions and video.

January 8, 2011
This is the biggest free time and the last chance to finish the product. I woke up at early morning, had a breakfast, took a bath and started coding, coding and coding. Most of symbol icons and pixel images were finished in this day. I choose only 31 most interesting photos from nearly three hundred photos I collected to present. Lightbox script was also added in this period to make gallery more friendly. Nearly midnight, the whole system is completed!
\(> <)/ – I like this feeling… Akkkkkhhh…

January 9, 2011
The last day of weekend. I use entire morning to checked and tested every part and made sure I didn’t miss something. Afternoon, I started mixing good photos with music to present the main theme of website. I intended to leave out screenshot of application and put only color into each heading topic to relate the symbol icons and main aspects. I choosed each photos and put it in the best timing as I can do.
About 7 P.M., my work was done. I uploaded video to youtube and submitted the application to competition and after I finished my post, the Internet was dead again !

January 10, 2011
After I saw other applications from all section of this world, I think my application is the simplest and the very innocent app in this competition. All applications are more fantastic and so inspiration. Some of them have the same idea to my first idea (Good luck to you). Some of them are incredible jobs ! and I don’t know how they can do that ! (> <)
Different ideas around the world open my eyes a lot. Some coding are so cool and bring many inspirations to me.
I like many creatives works,

My feeling at this time is..
Although my work cannot predict the future, cannot generate different chart automatically and have a fancy interaction.
I still like the simplest in my application 🙂

I believe my simple work can tell more.. to normal users.

Ps. Special thanks for all photographers in this world who give Creative Commons license for little users like me. Thank you very much for your kindness, I love it so much.

The popular vote for world bank application competition will be on this February !
I will do my best. 🙂

Windy12 ม.ค. 2011 เวลา 22:23 น.

Bangkok Planetarium

15 Sunday Nov 2009

Posted by windygallery in Events

≈ Leave a comment

Tags

emotional

WordCamp Bangkok 2008

19 Sunday Oct 2008

Posted by windygallery in Events

≈ 1 Comment

Tags

2008, Bangkok, TCDC, Wordcamp, WordPress

เพิ่งกลับมาจากสัมมนา อ่อนเพลียมากมาย แต่ก็ต้องตื่นเช้า
เพื่อไปร่วมงาน WordCamp Bangkok 2008
ที่ Thailand Creative & Design Center (TCDC)
The Emporium Shopping Complex

พอถึงเวลาที่กะจะออกเดินทางปุ๊บ
ฝนรั่วลงมาเลย (-“- )
ติดฝนไปครึ่งชม. กว่า ถึงจะออกมาจากหอได้
เลยไปถึงเลทกว่าที่คิดนิดหน่อย แต่ก็ทันช่วงเริ่มงานพอดี

เริ่มต้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับไอเดียของการคิดและการประยุกต์
โดยการเอาเทคโนโลยี web 2.0 มาทำให้ห้องสมุดแห่งนี้
มีความต่างที่ความน่าสนใจ และตอบสนองผู้ใช้มากขึ้น

นอกจากนั้นยังมีเรื่องประโยชน์ของการนำเอาความคิดมาแชร์กัน
ผ่าน online community ที่จะทำให้เกิดสังคมการแลกเปลี่ยน
ความรู้ที่เหมือนเป็นการช่วยต่อยอดกันและกัน ซึ่งทำได้ดีขึ้น
แหล่งความรู้เหล่านี้ก็จะกลายเป็นเหมือนฐานทางปัญหาที่มั่นคง
ในการช่วยพัฒนาเทคโนโลยีและไอเดียที่จะช่วยกระตุ้น
เศรษฐกิจของชาติต่อไปในอนาคตอันใกล้ได้ไม่ยาก

เนื้อหาสองส่วนนี้ ถูกเสนอโดยฝ่าย TCDC
(ขออภัยนะครับ ที่ผมไม่ทราบชื่อผู้บรรยายคนแรกนี้)
และอีกคนคือ ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล รองผู้อํานวยการ
สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

แล้วก็มีเกมชิงเสื้อรางวัล โดยการถามคำถามเล็กๆน้อยๆ


คำถามคือ ใครคือผู้พัฒนา WordPress ?

คำตอบ ก็คือ..
Matt Mullenweg
Ryan Boren
Donncha O Caoimh

ก่อนจะไปต่ออธิบายเสริมนิดนึง
WordPress ก็คือ โปรแกรมสำหรับทำ Blog (หรือภาษาไทยก็คือทำไดอารีออนไน์)
ที่แจกฟรีทั้ง source code ให้ผู้คนทั่วโลกไปใช้ทำ Blog ส่วนตัวได้เอง
โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ (แต่ถ้าอยากบริจาคก็ได้)

อธิบายเสริมทางเทคนิคเล็กๆ
WordPress เป็น PHP script ที่ทำงานกับฐานข้อมูลแบบ relational ที่ชื่อ Mysql
(ฟรีอีกเช่นกัน) และเนื่องจากการติดตั้งที่ง่าย ใช้งานง่าย และการออกแบบตัวระบบที่ดี
ทำให้ปัจจุบัน WordPress เรอ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในหมู่ Blogger
(คนเขียนบล็อค) เพราะความสามารถในการปรับแต่ง Theme (หน้าตาของ blog)
ที่ง่ายและหลากหลาย ตลอดจนมีผู้ร่วมพัฒนาความสามารถอื่นๆเสริมอีกมากมาย
ทำให้ปัจจุบัน WordPress ถูกนำไปใช้ในงานสร้างเวบแทบจะครอบคลุมทุกแบบ
จนปัจจุบันกลายเป็น php script ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในด้าน Blogging

— พักเบรค

หนีไปกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ และเดินชมงานปล่อยแสง ใกล้ๆ
ก่อนจะกลับเข้ามาต่อ


รอบบ่ายนี้เปิดด้วยหัวข้อ WordPress Developing
โดยคุณเก่ง (Katika Saiseni) จาก
http://keng.com/
ที่นำ presentation สวยๆ เท่ๆ และเข้าใจง่ายๆมาอธิบายให้ฟัง
ถึงที่มาที่ไปของ WordPress การใช้งาน และความสามารถที่เกิด
มาจากกลุ่มใจรักมาช่วยกันพัฒนาต่อยอดจนสยายปีกไปไกลทั่วโลกแล้ว


และก็มาต่อกันด้วยปะเด็นของ Blog & Creative Economy
จาก พี่บอย โกสิยพงษ์ (
http://loveisloveis.com/blog/)
และป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม MD. ค่าย สนามหลวง
(
http://pated.wordpress.com/)
มาพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียถึงการเขียน blog ของพวกพี่ๆเขา


ต่อด้วยภาคสองของ WordPress Developing
โดย Akarawuth Tamrareang & Pisan Chuechatchai
จาก
http://www.wordpressthai.org/
ทั้งๆที่จริงแล้วช่วงนี้ ผู้ชมน่าจะง่วงที่สุดเพราะบ่าย+อิ่มแล้ว
แต่พี่ทั้งสองคนกลับทำให้กลายเป็นช่วงที่ฮาแบบได้สาระมากครับ
ดิบๆและจริงใจดี (มีโชว์ลง WordPress ให้ดูกันจะๆว่าใช้ง่ายแค่ไหนด้วย)


ช่วงพักเบรค เพื่อนแอบเนียนไปขอถ่ายรูปกับคุณซี MC ของงาน
จาก
http://dailygizmo.wordpress.com/ ด้วย
(^^) – ตัวจริงน่ารัก + ความคิดน่าสนใจมากมาย


หลังเบรคซัดกันต่อยาวกับ หัวข้อ Theme & Designing
กับคุณเม่น (Jakkrith Talawat) หนุ่มอารมณ์ดีจาก
http://www.imenn.com
ที่มาแนะนำถึงแก่นการ design และปรับเปลี่ยน theme บน WordPress
และต่อด้วยแนะนำ plugin น่าสนใจๆ ที่เป็นประโยชน์มากหลาย (^^)


ต่อยาวอีกด้วยกลุ่ม Blogger รุ่นใหม่(ที่แตกต่างทั้งประเด็นและที่มาที่ไป)
มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเพื่อต่อยอดความคิดของผู้รับฟัง
Preeda Limnontakul (
http://preedaroom.wordpress.com)
Chatpawee Trichachawanwong (
http://dailygizmo.wordpress.com)
Pramote Sangwisate(
http://www.patsonic.com)
Maykin Likitboonyalit (
http://projectlib.wordpress.com)
Jittipong Puprasert http://www.mekz.net)

ประเด็นอันนึงของคุณซีที่น่าสนใจ คือ การใช้ Blog
เป็นสื่อกลางในการกระจายข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้น
ให้เกิดความสนใจในวงกว้างของสังคมไทยรุ่นใหม่

เป็นประเด็นที่ผมก็อยากให้มีมานานแล้ว (TvT)


หัวข้อหลังสุดเกี่ยวกับ Citizen Journalism
ขออภัยที่จับสาระไม่ได้ครับ เพราะต้องออกมาจากงานก่อนเวลา

โดยรวมหลายๆประเด็นที่ได้ฟังในวันนี้
กระตุ้นให้เกิดไอเดียใหม่ๆไม่น้อยทีเดียว
ถ้าจังหวะเหมาะๆ เดี๋ยวจะลองไปเอาทำของเล่นใหม่ในเวบส่วนตัว
แล้วจะเอามาให้ดูกันน้อ (^^)

Subscribe

  • Entries (RSS)
  • Comments (RSS)

Archives

  • August 2017
  • November 2015
  • August 2015
  • June 2015
  • May 2015
  • April 2015
  • March 2015
  • February 2015
  • January 2015
  • December 2014
  • November 2014
  • October 2014
  • September 2014
  • August 2014
  • July 2014
  • June 2014
  • May 2014
  • April 2014
  • March 2014
  • May 2012
  • February 2011
  • January 2011
  • August 2010
  • June 2010
  • May 2010
  • April 2010
  • February 2010
  • January 2010
  • December 2009
  • November 2009
  • October 2009
  • September 2009
  • August 2009
  • April 2009
  • March 2009
  • November 2008
  • October 2008

Categories

  • Developer
  • Events
  • Games
  • IDeas
  • Love
  • Photos

Meta

  • Register
  • Log in

Create a free website or blog at WordPress.com.

Privacy & Cookies: This site uses cookies. By continuing to use this website, you agree to their use.
To find out more, including how to control cookies, see here: Cookie Policy
  • Follow Following
    • WindyGallery's Weblog
    • Already have a WordPress.com account? Log in now.
    • WindyGallery's Weblog
    • Customize
    • Follow Following
    • Sign up
    • Log in
    • Report this content
    • View site in Reader
    • Manage subscriptions
    • Collapse this bar
 

Loading Comments...