น้อง Na Bovornchaicharn แท็กมาก็เลยนั่งคิดว่า จดบันทึกไว้ก็ดีเหมือนกัน
วันไหนอารมณ์หล่นหายจะได้ย้อนกลับไปหาหนังมาเติมอารมณ์ให้ตัวเอง 🙂
เริ่มกันที่หนังเรื่องแรก
1. Romeo + Juliet (1996)
Director: Baz Luhrmann
Stars: Leonardo DiCaprio, Claire Danes
เป็นหนังเรื่องแรกที่พี่สาวพาเข้าไปดูเพื่อให้อินเทรน ก่อนนั้นแอบไปดูคนเดียว และเป็นจุดเริ่มต้นให้สนใจเพลงต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งหลงใหลสาว Claire ไปอีกพักใหญ่ๆ
2. Jurassic Park (1993)
Director: Steven Spielberg
เป็นหนังที่ดูซ้ำรอบน่าจะเยอะที่สุดแล้ว (ตอนเด็กชอบ ดูบ่อยเกิ๊น) และก็ทำให้เกิดความสงสัยในศาสนาคริสต์ที่ว่าพระเจ้าสร้างโลกแต่ไม่เห็นพูดถึงไดโนเสาร์เลย แต่โดยรวมเป็นหนังที่กระตุ้นจินตนาการได้เยอะมาก และก็ทำให้กล้าหยิบหนังสือเล่มหนาเป็นนิ้วมานั่งอ่านได้จริงจัง
3. Titanic (1997)
Director: James Cameron
Stars: Leonardo DiCaprio, Kate Winslet, Billy Zane
คงเป็นหนังรักเดียวที่สร้างกระแสยาวนานข้ามปี และทำให้เพลงประกอบหนังหลอกหลอนไปเป็นปี ส่วนตัวชอบมุมกล้อง ภาพและอารมณ์ของหนังมาก อ่อ ฉากมือแปะกระจกก็น่าจดจำดี 😛
4. The Fifth Element (1997)
Director: Luc Besson
Stars: Bruce Willis, Milla Jovovich, Gary Oldman
เป็นหนังไซไฟที่จำอะไรไม่ค่อยได้มาก นอกจากแท็กซี่ลอยฟ้า กระดาษดิจิตอล ฉากโอเปร่าสุดแปลกตา และประโยคเด็ดที่ทำให้จำมาจนโตคือ “แพ้ไม่ได้ทำให้ตาย แต่ทำให้แกร่งขึ้น”
อ่อ เพิ่งสังเกตทีหลังว่าเด็กน้อยในเรื่องก็คือสาวมิลล่าในวัยเอ๊าะก่อนจะมาเป็นสุดยอดสาวแกร่งใน Resident Evil นี่เอง
5. Die Hard (1988)
Director: John McTiernan
Stars: Bruce Willis
เป็นหนังที่รู้สึกว่าตั้งชื่อได้เหมาะกับพระเอกที่สุดในบรรดาหนังทั้งหมด
และก็เริ่มบูซ วิลลิสตั้งแต่นั้นมา..
6. Terminator 2: Judgment Day (1991)
Director: James Cameron
Stars: Arnold Schwarzenegger
อีกหนึ่งที่ทำให้เกิดจินตนาการและเริ่มสนใจในเรื่องหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์
เรื่องนี้ก็ทำให้อาโนลด์กลายเป็นมาหนึ่งในดาราที่น่าจับตามอง(ในสมัยนั้น)
แม้ว่าลุงแกจะเล่นแข็งๆเป็นหุ่นยนต์ก็เถอะ (จะมีใครเหมาะกว่าแกเป็นไม่มี)
7. Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000)
Director: Ang Lee
Stars: Yun-Fat Chow, Michelle Yeoh, Ziyi Zhang
หนังหนึ่งเดียวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เบียดหนังจากฮอลลีวู้ดได้ทั้งหมด เป็นหนังที่บทแข็งแรงและตัวแสดงเหมาะมากจนทำให้ออกตามหาภาคการ์ตูนมาอ่านต่อ ถือเป็นหนังที่ชอบที่สุดนับตั้งแต่ดูหนังมาจนถึงเรียนจบป.ตรีในแง่ความสมบูรณ์ของหนัง
8. My Sassy Girl (2001)
Director: Jae-young Kwak
Stars: Tae-hyun Cha, Gianna Jun, In-mun Kim
หนังเรื่องเดียวจากเกาหลีที่แหวกทุกแนวขึ้นมาขย่มชาร์ตด้วยความฮา ความหวาน และความมีเสน่ห์ของสาวเจ้า เล่นเอาหนุ่มๆหลงกันทั้งคณะเลยช่วงนั้น และก็เป็นตัวจุดกระแสให้เริ่มมาสนใจเพลงเกาหลีในยุคแรกๆ ลามไป BoA และยาวมาจนถึงปัจจุบัน
9. Minority Report (2002)
Director: Steven Spielberg
Stars: Tom Cruise, Colin Farrell, Samantha Morton
หนังไซไฟแห่งอนาคต ที่เกือบทำให้เปลี่ยน project ตอนปีสี่ไปทำ motion control (ดีนะที่ตอนนั้นเพื่อนแจ็คเบรคไว้ ไม่งั้นอาจไม่จบได้)
10. The Matrix Revolutions (2003)
Directors: Andy Wachowski
Stars: Keanu Reeves, Laurence Fishburne, Carrie-Anne Moss
เป็นหนังที่ใช้ฝึกภาษาอังกฤษที่ไม่ดีเลย(เพราะบทพูดน้อยและปรัชญามากไปใช้ในชีวิตยาก) แต่ก็ดูวนรอบเยอะสุดๆ และกลายเป็นหนังของเหล่าโปรแกรมเมอร์ไปได้ยังไงก็ไม่รู้
11. Mission: Impossible III (2006)
Director: J.J. Abrams
Stars: Tom Cruise
จริงๆถ้าเรื่องภาพอย่างเดียวชอบแอคชั่นสโลโมชั่นของภาคสองมากกว่า แต่ถ้าดูภาพรวมของหนังแล้ว ภาคสามนี่แหล่ะจัดวางบทและอารมณ์ของหนังไว้เข้มข้นและลงตัวที่สุด (ภาคหนึ่งมันดูเก่าไปหน่อยแม้บทจะคมมากๆก็เถอะ)
12. Casino Royale (2006)
Director: Martin Campbell
Stars: Daniel Craig, Eva Green, Judi Dench
แม้จะติดตามซีรีย์ 007 มาไม่นาน แต่พอเห็นพระเอกคนใหม่ที่โคตรไม่หล่อเลย และผู้คนปรามาสไว้มากมาย ก็แอบคิดในใจลึกๆว่าตกลงจะทำลายซีรีย์นี้ทิ้งจริงๆเหรอ แล้วหลังดูหนังจบ ก็กลายเป็นเสียงชื่นชมมหาศาลทั้งผู้กำกับที่โคตรใจถึงและความสามารถอันเป็นที่ยอมรับว่า เดเนียล เครก เหมาะสมกับบท 007 ในยุคนี้ที่สุดจริงๆ
13. The Pursuit of Happyness (2006)
Director: Gabriele Muccino
Stars: Will Smith, Thandie Newton, Jaden Smith
ผมชอบวิล สมิธมาตั้งแต่ตอนไหนไม่แน่ใจ (น่าจะ Armageddon, i-Robot และ Hitch)
แต่เรื่องนี้กลับชนะทุกเรื่องไปด้วยความเข้มข้นของบทจริงๆ
14. The Dark Knight (2008)
Director: Christopher Nolan
Stars: Christian Bale, Heath Ledger, Aaron Eckhart
เต็งหนึ่งในทุกการจัดอันดับหนังของฝั่งฮอลลีวู้ดในแง่ของบท หนังแสดง นักแสดง และความชอบ (ถ้าจะแพ้ก็มีแค่เพลงประกอบหนังที่ต้องยกให้ Man of Steel) หนังเรื่องนี้สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการภาพยนตร์หลายอย่างทั้งความละเอียดในงานสร้าง และแนวคิดการถ่ายทำจริงมากกว่าการสร้างภาพซีจี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพิธีพิถันของทีมงาน และนั่นก็ทำให้ผลงานหนังเรื่องนี้ครองใจผมด้วยเช่นกัน
15. Inception (2010)
Director: Christopher Nolan
Stars: Leonardo DiCaprio
จากดาราของหนังเรื่องแรกที่ชอบ มาหนังเรื่องสุดท้ายก็ยังเป็นนักแสดงคนเดียวกัน ความเท่ของหนังมาจากบทที่มีความแปลกใหม่ของจินตนาการสูงประกอบกับวิธีเล่าเรื่องที่ทำให้ต้องจดจำจนยากที่จะลืมเนื้อหาไปจากหัวตามสไตล์ของโนแลน
🙂
#นี่ตัดใจเขี่ยหนังออกเยอะมากกก #fast3 #manofsteel ยังร่วงนะเนี่ย